คดี "แตงโม" สิ้นสุด! ศาลยกฟ้อง 4 จำเลย ชี้ผู้ตายเสี่ยงภัยเอง "จ๊อบ" รอลงอาญา
คดี "แตงโม" สิ้นสุด! ศาลยกฟ้อง 4 จำเลย ชี้ผู้ตายเสี่ยงภัยเอง "จ๊อบ" รอลงอาญา
คดี "แตงโม" สิ้นสุด! ศาลยกฟ้อง 4 จำเลย ชี้ผู้ตายเสี่ยงภัยเอง "จ๊อบ" รอลงอาญา
หนึ่งในคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง สำหรับกรณีการเสียชีวิตของนักแสดงสาวชื่อดัง **น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นิดา** ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ล่าสุด (ณ วันที่ประกาศคำพิพากษา) ศาลมีคำตัดสินในคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว โดยได้มีคำสั่งยกฟ้องจำเลย 4 รายที่ถูกกล่าวหาในข้อหาดังกล่าว ขณะที่ "จ๊อบ" หรือนาย นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร ถูกตัดสินในอีก 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่ได้รับโทษรอลงอาญา.
คำตัดสินของศาลครั้งนี้ได้สร้างความประหลาดใจและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมวงกว้าง เนื่องจากเป็นผลที่แตกต่างจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ บทความนี้จะเจาะลึกถึงรายละเอียดคำพิพากษา เหตุผลที่ศาลใช้ในการพิจารณา รวมถึงผลกระทบและความเคลื่อนไหวที่ตามมา.
จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม: เหตุการณ์พลัดตกเรือ
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา ได้ขึ้นเรือสปีดโบ๊ตรุ่น Cobra ร่วมกับบุคคล 5 คน ประกอบด้วย:
- นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ (ปอ)
- นายไพบูลย์ ตรีกาญจนนันท์ (โรเบิร์ต)
- นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร (จ๊อบ)
- น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ (กระติก)
- และ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ (แซน)
โดยมีนายตนุภัทร เป็นเจ้าของเรือและผู้ขับขี่ในช่วงแรก หลังจากออกเดินทางจากสะพานซังฮี้ มุ่งหน้าไปทางนนทบุรี ในช่วงค่ำของคืนนั้น ประมาณ 22.30 น. แตงโมได้พลัดตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณใกล้กับสะพานพระราม 7 แม้จะมีการค้นหาอย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่พบตัวเธอในทันที จนกระทั่งเช้าวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 จึงพบร่างของเธอเสียชีวิตอยู่กลางแม่น้ำ สร้างความโศกเศร้าและเป็นที่จับตาของสังคมในวงกว้าง.
การสืบสวนและข้อกล่าวหาเบื้องต้น
หลังการเสียชีวิตของแตงโม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มกระบวนการสืบสวนอย่างละเอียดและรวบรวมพยานหลักฐานจากผู้ที่อยู่บนเรือและพยานแวดล้อมต่างๆ คดีนี้ถูกนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องและมีข้อสงสัยมากมายจากสาธารณชนเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตและพฤติกรรมของผู้ที่อยู่บนเรือในขณะเกิดเหตุ.
จากการสืบสวนเบื้องต้น มีการตั้งข้อกล่าวหาหลายข้อหาแก่บุคคลที่อยู่บนเรือและผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส, ความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย และข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การให้การเท็จ หรือการช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี เป็นต้น
การสอบสวนใช้เวลาหลายเดือน มีการเรียกพยานจำนวนมากมาให้ปากคำ มีการจำลองเหตุการณ์ และการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดอ่อน เพื่อประกอบสำนวนส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป.
คำพิพากษาของศาล: ยกฟ้อง 4 จำเลย ด้วยเหตุผล "เสี่ยงภัยเอง"
ในท้ายที่สุด ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยรวม 4 ราย ในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งประกอบด้วย:
- นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ (ปอ)
- นายไพบูลย์ ตรีกาญจนนันท์ (โรเบิร์ต)
- น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ (กระติก)
- นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ (แซน)
ผลการตัดสินคือ ศาลได้มีคำสั่งยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 ราย ในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีสาระสำคัญของเหตุผลที่ศาลใช้อ้างอิงคือ "ผู้ตายเสี่ยงภัยเอง".
เหตุผลที่ศาลพิจารณา "เสี่ยงภัยเอง"
ศาลได้พิจารณาจากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนคดี โดยให้เหตุผลว่า การที่ น.ส.ภัทรธิดา พลัดตกลงไปในแม่น้ำนั้น เกิดจากปัจจัยหลายประการ และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยทั้ง 4 มีเจตนาหรือความประมาทเลินเล่อถึงขั้นทำให้เกิดการเสียชีวิตโดยตรงในลักษณะที่กฎหมายอาญาจะลงโทษได้.
- พฤติการณ์บนเรือ: ศาลพิจารณาว่า บนเรือมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทรงตัวและความสามารถในการตัดสินใจของผู้ตาย
- ตำแหน่งที่นั่ง: ศาลชี้ว่า ผู้ตายไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยบนเรือ เช่น นั่งที่หัวเรือหรือท้ายเรือ ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูง
- การขาดความระมัดระวังส่วนบุคคล: ศาลมองว่า ผู้ตายเองก็มีส่วนในการกระทำที่เสี่ยงอันตราย เช่น การลุกขึ้นยืนในขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่ด้วยความเร็ว หรือการไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ
- เหตุสุดวิสัย: ศาลอาจพิจารณาว่า การตกเรือเป็นอุบัติเหตุที่ไม่สามารถคาดเดาหรือป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะมีบุคคลอื่นอยู่บนเรือก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลเหล่านั้นมีเจตนาหรือประมาทถึงขั้นทำให้เกิดการเสียชีวิต
หลักการ "เสี่ยงภัยเอง" (Volenti non fit injuria) เป็นหลักกฎหมายที่ระบุว่า บุคคลที่สมัครใจหรือยินยอมเข้ารับความเสี่ยงอันตราย ย่อมไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายหรือดำเนินคดีกับผู้อื่นได้ หากความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากความเสี่ยงที่ตนเองสมัครใจรับไว้ แม้ในคดีอาญา หลักการนี้อาจถูกนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินในแง่ของการขาดเจตนาหรือการขาดความประมาทของจำเลย.
ชะตากรรมของ "จ๊อบ": 2 คดี รอลงอาญา
แม้จำเลย 4 รายจะได้รับการยกฟ้องในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่สำหรับนาย นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ "จ๊อบ" นั้น ยังคงต้องเผชิญกับผลลัพธ์ทางกฎหมายในอีก 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้.
รายงานระบุว่า "จ๊อบ" ถูกตัดสินมีความผิดใน 2 คดี และได้รับโทษรอลงอาญา โดยคดีเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับ:
- การให้การเท็จ หรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่: ซึ่งเป็นความผิดที่เกี่ยวกับการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม หรือการปกปิดข้อมูลสำคัญในการสืบสวน
- ความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: อาจเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือการกระทำอื่นใดที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ตกเรือ ซึ่งส่งผลต่อการบิดเบือนข้อมูลหรือพยานหลักฐาน
การรอลงอาญา หมายความว่า ศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุก หรือปรับแก่จำเลยแล้ว แต่มีคำสั่งให้รอการลงโทษนั้นไว้ก่อน โดยกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขให้จำเลยประพฤติตน หากจำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด โทษนั้นก็จะถือว่าเป็นอันสิ้นสุดลง แต่หากกระทำผิดเงื่อนไข หรือไปกระทำความผิดซ้ำอีกภายในระยะเวลาที่รอลงอาญา ศาลอาจมีคำสั่งให้นำโทษที่รอลงอาญานั้นมาบังคับใช้จริงได้.
ไทม์ไลน์สำคัญของคดี "แตงโม"
คดีนี้มีความซับซ้อนและมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายนับตั้งแต่การเสียชีวิตของแตงโม จนกระทั่งถึงคำพิพากษาของศาล สามารถสรุปไทม์ไลน์คร่าวๆ ได้ดังนี้:
- 24 ก.พ. 2565: น.ส.ภัทรธิดา พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา
- 26 ก.พ. 2565: พบร่าง น.ส.ภัทรธิดา เสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยา
- มี.ค. - เม.ย. 2565: เริ่มต้นกระบวนการสอบสวน, ตรวจสอบพยานหลักฐาน, เรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและพยานจำนวนมาก, มีการตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นแก่ผู้ต้องหาบางราย
- พ.ค. 2565: ตำรวจสรุปสำนวนคดีส่งอัยการ อัยการพิจารณาและมีคำสั่งฟ้องจำเลยบางรายในข้อหาต่างๆ
- มิ.ย. 2565 - ปลายปี 2566: เริ่มต้นกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล มีการสืบพยานโจทก์และจำเลยหลายปาก
- ช่วงต้นปี 2567: ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
- วันที่ประกาศคำพิพากษา: ศาลมีคำสั่งยกฟ้องจำเลย 4 รายในข้อหาประมาทฯ และ "จ๊อบ" ถูกตัดสิน 2 คดีพร้อมโทษรอลงอาญา
ผลกระทบและข้อถกเถียงหลังคำพิพากษา
คำพิพากษาของศาลในคดีนี้ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาหลากหลายจากสาธารณชน ทั้งในแง่ของความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมและข้อสงสัยที่ยังคงค้างคาใจบางประการ
มุมมองด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
คำตัดสินนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของคดีที่มีพยานหลักฐานจำกัดและข้อเท็จจริงที่ไม่ชัดเจน การที่ศาลให้น้ำหนักกับหลัก "เสี่ยงภัยเอง" แสดงให้เห็นว่าศาลมองว่าผู้ตายมีส่วนในการกระทำที่นำไปสู่เหตุการณ์นั้นๆ และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทถึงขั้นที่กฎหมายอาญาจะลงโทษได้ การพิจารณาคดีอาญาจำเป็นต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนและปราศจากข้อสงสัยเพื่อเอาผิดบุคคล.
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบางท่านได้ให้ความเห็นว่า คำตัดสินนี้เป็นไปตามหลักนิติศาสตร์และเป็นการพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในชั้นศาลอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม การรับรู้ของสาธารณชนอาจแตกต่างกันไปเนื่องจากมีข้อมูลและทฤษฎีสมคบคิดที่เผยแพร่ในวงกว้างผ่านสื่อสังคมออนไลน์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา.
เสียงสะท้อนจากสังคมและครอบครัว
สำหรับครอบครัวของแตงโม โดยเฉพาะคุณแม่และบุคคลใกล้ชิด อาจรู้สึกผิดหวังกับผลการตัดสินนี้ที่ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ หลายคนยังคงตั้งคำถามถึงความจริงที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น และรู้สึกว่ายังไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกัน ประชาชนบางส่วนก็แสดงความเข้าใจ